วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

โพลวาเลนไทน์ชี้ปัญหาศก.-การเมือง ทำโจ๋เซ็กซ์หด"

สวนดุสิต โพล ชี้ปัญหาเศรษฐกิจและการเมือง
ทำความต้องการทางพศวันวาเลนไทน์วัยโจ๋ลดลง เผยเด็กไทยดูหนังลามกตั้งแต่ก่อน 10 ขวบ มีเซ็กซ์ครั้งแรก 10 ขวบ "มาร์ค" แซง "แม้ว" เป็นบุคคลที่วัยรุ่นต้องการซื้อดอกไม้มากที่สุดเมื่อ เวลา 10.00 น. วันที่ 5 กุมภาพันธ์ ที่กระทรวงสาธารณสุข รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์ ประธานดำเนินงานสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต กล่าวในงานแถลงข่าว "รักบริสุทธิ์และปลอดภัย...ออกแบบได้ ด้วยตัวคุณเอง (White Valentine " design your love) เนื่องในวันวาเลนไทน์ ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ว่า สวนดุสิตโพลได้สำรวจความคิดเห็นเยาวชนไทยอายุระหว่าง 15-24 ปี ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ระหว่าง 17-31 มกราคม 2552เกี่ยวกับกิจกรรมรณรงค์ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคเอดส์ เนื่องในวันวาเลนไทน์ จากกลุ่มตัวอย่าง 1,008 คน เป็นชาย 422 คน หญิง 579 คน และเพศที่สาม 7 คน พบว่า สิ่งที่ต้องการทำมากที่สุด ร้อยละ 26 บอกว่าซื้อของให้คนรัก ร้อยละ 13 ซื้อดอกกุหลาบให้ ร้อยละ 10 กินอาหารด้วยกัน และร้อยละ 5 ต้องการมีเพศสัมพันธ์ด้วย ซึ่งถือว่าลดลงกว่าปีที่ผ่านมาที่วัยรุ่นต้องการมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไท น์ ร้อยละ 12 ซึ่งปัจจัยอาจเนื่องมาจากความวุ่นวายทางการเมืองและภาวะทางเศรษฐกิจทำให้ อารมณ์ความรู้สึกรักใคร่ โรแมนติกลดลงรศ.ดร.สุขุม กล่าวว่า คน ที่อยากให้ดอกไม้มากที่สุด คือ คนรัก/แฟน ร้อยละ 46 พ่อแม่ ร้อยละ 26 เพื่อน ร้อยละ14 ดาราร้อยละ 4 และนักการเมืองร้อยละ 2.82 ในส่วนของนักการเมืองบุคคลที่วัยรุ่นต้องการมอบดอกไม้ให้มากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 2.พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 3.นายชวน หลีกภัย 4.ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และ 5.บารัค โอบามา โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ พบว่า มีอันดับที่สูงขึ้นจากเดิมอยู่ลำดับที่ 2 ซึ่งเป็นผลมาจากบุคลิกภาพส่วนตัว รูปร่างหน้าตา และภาวะความเป็นผู้นำรศ. ดร.สุขุม กล่าวว่า เมื่อถามถึงเว็บไซต์โป๊ ร้อยละ 34 ตอบว่าเคยดู ส่วนใหญ่ดูครั้งแรกเมื่ออายุ 10-19 ปี และมีร้อยละ 3 ที่เคยดูตอนอายุต่ำกว่า 10 ปี โดยร้อยละ 48 บอกว่ารู้สึกตื่นเต้น เกิดอารมณ์/ความต้องการทางเพศขณะดู และร้อยละ 31 บอกว่าสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองหรือมีเพศสัมพันธ์ระหว่างดู ร้อยละ 5 รังเกียจ ร้อยละ 4 อาย และ ร้อยละ 2 รู้สึกตลก โดยกลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 38 ตอบว่าเคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว ร้อยละ 37 ในรอบปีที่ผ่านมา ร้อยละ 31 เคยติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเมื่อสงสัยว่าอาจมีการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ร้อยละ 62 จะไปโรงพยาบาล ศูนย์บริการสาธารณสุข หรือคลินิก และมีร้อยละ 6 ที่ตอบว่าซื้อยากินเอง ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาเชื้อดื้อยาตามมาได้ พบ ว่ากลุ่มตัวอย่างมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกมากที่สุดร้อยละ 37 อายุ 15-16 ปี ร้อยละ 3.19 อายุ 11-12 มีร้อยละ 1.86 อายุ 10 โดยบุคคลที่มีเพศสัมพันธ์ด้วยร้อยละ 85 เป็นคนรัก/แฟนร้อยละ 6 เพื่อน แฟนเก่าร้อยละ 4 และหญิงขายบริการร้อยละ 1 มีการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งกับคู่นอนที่ไม่ประจำ ร้อยละ 53"รศ.ดร.สุขุม กล่าวนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สธ. ได้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ช่วยรณรงค์ให้เยาวชนไทยตระหนักถึงอันตรายใกล้ตัว และส่งเสริมค่านิยมเกี่ยวกับความรักที่เหมาะสม รักตัวเอง พ่อแม่ ครอบครัวให้มากๆ และรู้จักป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยจากโรคเอดส์ เนื่องจากวัยรุ่นเป็นวัยที่อยากเรียนรู้ ชอบค้นหาและเปิดรับสิ่งใหม่ๆ มักจะให้ความสำคัญและทุ่มเทสรรหาสิ่งที่คิดว่าเป็นตัวแทนแสดงถึงความรักให้ กับคนรักเป็นพิเศษ"สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากคือ การแสดงออกถึงความรักด้วยการมีเพศสัมพันธ์ เพราะเป็นพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เกิดปัญหาตามมา ทั้งการตั้งครรภ์โดยยังไม่พร้อม และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และโรคเอดส์ ซึ่งขณะนี้มีข้อมูลชี้ชัดให้เห็นว่าสถานการณ์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สูง ขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน ซึ่งหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรสวมถุงยางป้องกันทุกครั้ง" นายวิทยากล่าวนาย วิทยา กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม รู้สึกดีใจที่ผลสำรวจระบุว่า กิจกรรมที่วันรุ่นอยากทำให้วันวาเลนไทน์มากที่สุด คือ การซื้อของขวัญ หรือให้ดอกไม้กับคนรัก เพราะมนุษย์โลกต้องอยู่ร่วมกันด้วยความรัก โลกจะสงบสุขขึ้น แต่ถ้ามนุษย์โลกยังมีแต่ความขัดแย้งโลกก็จะไม่น่าอยู่ ส่วนผลสำรวจระบุว่า นักการเมืองที่วัยรุ่นอยากมอบดอกไม้ให้มากที่สุดคือ นายอภิสิทธ์นั้น ในฐานะประชาชนก็รู้สึกยินดีที่หัวหน้าคณะรัฐบาลได้เป็นนักการเมืองที่กลุ่ม วัยรุ่น ชื่นชอบมากที่สุดนพ. ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัด สธ. กล่าวว่า จากข้อมูลสำนักโรคเอดส์ วัณโรคและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค พบว่า โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ป่วยมากที่สุด คือ โรคหนองใน รองลงมาคือ หนองในเทียม ซิฟิลิส กามโรคของต่อมและท่อน้ำเหลือง และแผลริมอ่อน โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่อายุระหว่าง 20-24 ปี ทั้งนี้ โรคหนองในเป็นตัวบ่งชี้การแพร่ระบาดของโรคติดต่อทางเพสสัมพันธ์ ที่นำไปสู่การระบาดของโรคเอดส์ ซึ่งมีรายงานว่ากลุ่มนักเรียน นักศึกษามีแนวโน้มป่วยด้วยโรคหนองในเพิ่มขึ้น โดยในปี 2545 มีผู้ป่วย 3.03 ต่อแสนประชากร เพิ่มเป็น 4.61 ต่อแสนประชากร ในปี 2549 สอดคล้องกับข้อมูลร้านขายยา ย่านพัฒนพงษ์ และสุขุมวิท ปี 2548 ที่มีผู้มาซื้อยารักษาโรคหนองใน ร้อยละ 27 ของผู้มาซื้อยารักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทั้งหมดนพ. ปราชญ์ กล่าวว่า ส่วนสถานการณ์โรคเอดส์ของไทย ล่าสุดเมื่อวันที่ 31 มกราคม มีรายงานผู้ป่วยสะสมทั้งหมด 345,196 ราย เสียชีวิตแล้ว 93,034 ราย สาเหตุเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์มากที่สุด ร้อยละ 84 รองลงมาคือ การใช้ยาเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้น ร้อยละ 4.6 ติดเชื้อจากมารดา ร้อยละ 3.8 และจากการรับเลือด ร้อยละ 0.02 ซึ่งแนวโมของผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตด้วยโรคเอดส์ลดลงกว่าในอดีต เนื่องจากการเข้าถึงยาต้านไวรัส ทำให้ผู้ป่วยมีอายุยืนยาว และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งนี้ คาดว่า ในปี 2552 ไทยจะมีผู้ติดเชื้อเอดส์สะสมประมาณ 1,127,168 ราย เสียชีวิต 613,510 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 11,753 รายทั้งนี้ กรมควบคุมโรค ได้จัดกิจกรรมรณรงค์ "รักบริสุทธิ์และปลอดภัย...ออกแบบได้ ด้วยตัวคุณเอง" ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 10.00 น.-19.00 น. ที่อาคารสายสุทธานภดล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา มีกิจกรรมหลากหลาย ทั้งการแสดงดนตรี การประกวดออกแบบโปสตอร์ ประดิษฐ์สิ่งของจากถุงยาง เป็นต้น ผู้สนใจสามารถร่วมงานได้ฟรี



สื่อรักออนไลน์ ภัยมืดวาเลนไทน์




ปัญญาสมาพันธ์เพื่อการวิจัยความเห็นสาธารณะแห่งประเทศไทย เสนอผลวิจัย "การกระทำความรุนแรงผ่านเทคโนโลยีในโลกไซเบอร์ : ภัยมืด ภัยร้ายของวัยรุ่นไทย" พุ่งเป้าให้ความสำคัญไปที่ปัญหาภัยจากโลกไซเบอร์ที่พุ่งสูงขึ้นในกลุ่มเยาวชนและวัยรุ่น...โดยเฉพาะช่วงเทศกาลแห่งความรัก รายงานชิ้นนี้สำรวจความคิดเห็นสาธารณะเกี่ยวกับรูปแบบและพฤติกรรมการกระทำความรุนแรงของวัยรุ่นไทยผ่านเครื่องมือสื่อสารสมัยใหม่...โทรศัพท์มือถือ อินเตอร์เน็ต สัมภาษณ์เยาวชนที่กำลังศึกษาในสถานศึกษาทั้งรัฐ...เอกชน ในเขตกรุงเทพฯ 2,000 ราย ไล่เรียงตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษา อาชีวศึกษา ไปจนถึงปริญญาตรี ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า กลุ่มเยาวชน มากกว่าร้อยละ 50 เห็นว่าพฤติกรรมการข่มเหงรังแกผ่านโลกไซเบอร์ มากกว่า 1 ครั้งต่อเดือน ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความด่าทอผู้อื่นผ่านโทรศัพท์มือถือและอินเตอร์เน็ต การส่งข้อความ/ข้อมูลที่เป็นความลับของบุคคลให้กับผู้อื่น พวกเขาเห็นว่า การคุกคามผู้อื่นผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ เป็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง และมีทัศนคติไม่เห็นด้วย แต่กระนั้นก็รู้สึกว่า การกระทำเช่นนี้เป็นเรื่องปกติที่ทุกคนก็ทำ และสามารถทำได้ตามอำเภอใจได้ด้วยเช่นกัน เพราะเยาวชนร้อยละ 44 เคยถูกนินทาหรือด่าทอผ่านมือถือ ห้องสนทนา ในขณะที่ร้อยละ 30 เคยถูกส่งข้อความก่อกวนผ่านทางมือถือ อีเมล์ หรือเว็บไซต์มาแล้ว ความเห็นเหล่านี้ สะท้อนชัดสังคมออนไลน์ให้โทษขึ้นเรื่อยๆ มีแนวโน้มจะทำลายเด็กและเยาวชนอย่างรุนแรง จนถึงขั้นที่เรียกว่าอาชญากรรมได้เลย พบอีกว่า การโพสต์ข้อความด่าทอกันใน Hi5 หรือการใส่ร้ายป้ายสีในห้องสนทนา ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับบุคคลมีชื่อเสียงอย่างที่เราพบเห็นในข่าวเท่านั้น แม้แต่เยาวชนต่างก็รับรู้ว่า มีการรังแกกันผ่านโลกไซเบอร์เกิดขึ้นรอบตัวพวกเขา แม้ว่าเยาวชนมากกว่าร้อยละ 50 จะเห็นว่าพฤติกรรมการข่มเหงรังแกผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์เป็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องและไม่เห็นด้วย แต่เป็นที่น่าสังเกตว่ามีเยาวชนมากกว่า 1 ใน 3 เห็นด้วย และเห็นด้วยอย่างยิ่งผ่านคำตอบว่า... 1) "ฉันรู้สึกว่าผู้กระทำสนุกสนาน" 2) "ฉันเห็นว่าทุกคนมีอิสระที่จะทำตามที่ตนเองต้องการ" 3) "ฉันเห็นว่าผู้ที่กระทำได้ระบายความรู้สึก" ข้อค้นพบนี้สื่อให้เห็นว่า การข่มเหงรังแกกันผ่านโลกไซเบอร์ในทรรศนะของเยาวชนไทย มีแนวโน้มที่เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติที่ทุกคนสามารถกระทำได้ตามอำเภอใจ ยังพบอีกว่า ผู้รังแกบุคคลอื่นผ่านโลกไซเบอร์นั้น รังแกผู้อื่นโดยการนินทา หรือด่าทอผู้อื่นผ่านมือถือ ห้องสนทนา หรือเว็บไซต์เป็นส่วนมาก และเกิดในกลุ่มนักเรียนมัธยมในสถานศึกษาเอกชน นักเรียนในโรงเรียนอาชีวะทั้งของรัฐบาล...เอกชน มากกว่านักเรียนมัธยมที่ศึกษาในสถานศึกษาของรัฐ นักศึกษามหาวิทยาลัย ลงลึกในรายละเอียด เมื่อศึกษาถึงความสัมพันธ์ของการข่มเหงรังแกกันผ่านโลกไซเบอร์กับลักษณะของครอบครัว ก็พบความจริงที่น่าสนใจอีกว่า... ในกลุ่มนักเรียนอาชีวศึกษาอันเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มกระทำการรุนแรงผ่านโลกไซเบอร์มากกว่ากลุ่มอื่น มักมาจากครอบครัวของบิดามารดาเลี้ยงเดี่ยว บิดามารดามีการศึกษาระดับปานกลาง และมีอาชีพรับจ้างทั่วไปเป็นหลัก ข้อค้นพบนี้ชี้ให้เห็นว่า ความอบอุ่นและสภาพเศรษฐกิจของครอบครัว เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พ่อแม่ไม่มีเวลา หรือไม่ใส่ใจในการอบรมสั่งสอนเชิงคุณธรรมแก่ลูกมากพอ หลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชี้ให้เห็นความย่อหย่อนในการทำหน้าที่ของครอบครัว คือ...การที่นักเรียนอาชีวะเหล่านี้ ใช้เวลาในการเล่นอินเตอร์เน็ตมากกว่า 5 ชั่วโมงต่อครั้ง และเป็นกลุ่มตัวอย่างที่ระบุว่า ตนเองมีอำนาจที่สุดในครอบครัว ทั้งนี้เพราะไม่ได้อยู่กับครอบครัว หรืออาจอยู่ตามลำพังที่หอพักหรือห้องเช่า ที่น่าตกใจ...ร้อยละ 48 ของเยาวชนกลุ่มนี้ ก็เห็นว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นในครอบครัวตนเองเป็นเรื่องปกติ ข้อมูลจากงานวิจัยของปัญญาสมาพันธ์ฯค่อนข้างชี้ชัดว่า โรงเรียนอาชีวะเอกชน เป็นเป้าหมายเร่งด่วนที่รัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องให้ความสำคัญ นอกจากการกระทำรุนแรงทางกาย อาทิ การยกพวกทำร้ายกันแล้ว ยังมีความรุนแรงแฝงอยู่ในรูปการสื่อสารด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่น่าห่วงใย ถึงวันนี้...ยังไม่มีหน่วยงานใดมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง ทั้งในด้านการป้องกัน แก้ไข และการออกข้อกำหนดเชิงนโยบายที่เท่าทันต่อปัญหา ดังนั้น พ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูอาจารย์ รวมถึงผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิดเยาวชนจึงต้องควบคุมดูแลการใช้เครื่องมือสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ให้มากขึ้น ไม่ให้เด็กอยู่กับโลกไซเบอร์นานและบ่อยเกินไป ที่ขาดไม่ได้...ครอบครัวจะต้องสร้างภูมิคุ้มกันแก่เยาวชนให้มีจิตใจเข้มแข็ง มีความมั่นใจในตัวเอง ไม่ยอมปล่อยให้โลกออนไลน์ทั้งหลายมีอิทธิพลเหนือชีวิตตัวเอง ปัญญาสมาพันธ์ฯ มีเป้าหมายพัฒนาศาสตร์ด้านการสำรวจความเห็นสาธารณะสำหรับประเทศไทยในด้านต่างๆ เพื่อสร้างฐานข้อมูลทางวิชาการที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนในการนำไปเป็นแนวทางในการวางแผนหรือกำหนดนโยบาย อาจารย์ศิวพร ปกป้อง ในฐานะคณะทำงานปัญญาสมาพันธ์ฯ และรองผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล บอกว่า เราเล็งเห็นถึงปัญหาสังคมในยุคสมัยที่เทคโนโลยีอยู่ในชีวิตประจำวันของเยาวชนและวัยรุ่นไทย "แม้เทคโนโลยีจะมีข้อดี แต่ก็เกิดการใช้ประโยชน์ในทางที่ผิด ไม่ว่าจะเป็นการใช้เป็นสื่อในการข่มขู่ คุกคาม ทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียชื่อเสียง เดือดร้อน เป็นอันตรายต่อคุณภาพชีวิต..." อาจารย์ศิวพร ย้ำว่า งานวิจัยชิ้นนี้ น่าจะกระตุ้นให้ภาครัฐที่มีบทบาทสำคัญในด้านนี้ เล็งเห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจริง กระทั่งมีการจัดการที่ช่วยให้ปัญหาพิษภัยนี้เบาบางลงจนหมดไปได้ ช่วงเทศกาลวาเลนไทน์นี้ เป็นช่วงที่เยาวชน วัยรุ่นค่อนข้างให้ความสำคัญ บางกลุ่มมีความเชื่อในทางที่ผิด ฉวยโอกาสในการข่มขู่ คุกคาม ล่อลวงทางเพศ เผยแพร่ให้เสื่อมเสียชื่อเสียงในโลกอินเตอร์เน็ต ปัญญาสมาพันธ์ฯจึงอยากจะสะท้อนปัญหาจากผลวิจัยนี้ เพื่อให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องโดยตรง โดยเฉพาะกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำไปปรับใช้เพื่อกำหนดนโยบาย ข้อปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป "การที่เด็กผู้หญิงถูกคนที่รู้จักในห้องแชตล่อลวงไปข่มขืน...ถูกจับถ่ายรูป นำไปโพสต์แบล็กเมล์ เป็นภัยจากโลกไซเบอร์ที่สังคมตระหนัก และพยายามกระตุ้นเตือนมาตลอด... แต่หารู้ไม่ว่าผู้ร้ายในโลกไซเบอร์อาจไม่ใช่...มารสังคม อย่างที่เราเรียกกัน แต่เป็นเยาวชนนี่แหละที่เป็นผู้คุกคามกันและกัน โดยใช้ อุปกรณ์สื่อสารนานาชนิดเป็นเครื่องมือ" เทศกาลวันแห่งความรัก วันวาเลนไทน์ทุกปี สิ่งที่สังคมไทยเพ่งเล็งคงหนีไม่พ้นพฤติกรรมการแสดงความรักของวัยรุ่นที่เกินขอบเขต จนถึงขั้นทำให้โรงแรมม่านรูดแน่นขนัด ซึ่งท้ายที่สุด...เมื่อไม่อาจแก้ไขที่ต้นเหตุได้ ก็ดูเหมือนว่าการรณรงค์ให้ใช้ถุงยางอนามัยจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด...ที่ทำกันได้ "คงไม่ดีแน่ ถ้าผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่รับผิดชอบจะแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเช่นนี้ไปตลอด เนื่องจาก...ตัวเร่ง ที่ทำให้สภาพสังคมเสื่อมทรามลงทุกขณะ ซึ่งมีชื่อว่า...โลกไซเบอร์ กำลังก้าวหน้าและเข้าถึงง่ายขึ้นทุกที"



สธ.เตือนวาเลนไทน์ วัยรุ่นไหวทันสื่อไอทีลดความเสี่ยงทางเพศ
Fri, 2010-02-12 06:01
วาระวันวาเลนไทน์ รมว.สาธารณสุข เตือนระวังสื่อออนไลน์ครอบงำวัยรุ่นเพิ่มความเสี่ยงทางเพศ พ่อแม่คุมไม่ถึงตามเทคโนโลยีไม่ทัน กรุงเทพโพลล์เผยวัยรุ่นชี้ผู้ใหญ่อคติ ‘เสียตัววันวาเลนไทน์’

เมื่อวันที่ 11 ก.พ.53 ที่สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนพ.ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมสุขภาพจิตแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ "ฉลาดรักยกกำลังสาม รู้ใจ ไหวทัน ป้องกันได้" เพื่อป้องกันสถานการณ์ความเสี่ยงของวัยรุ่นในวันวาเลนไทน์
นางพรรณสิริ กล่าวว่า วันวาเลนไทน์ปีนี้ ได้มอบหมายให้กรมสุขภาพจิตจัดทำโครงการฉลาดยกรักกำลังสาม รู้ใจ ไหวทัน ป้องกันได้ เพื่อกระตุ้นให้วัยรุ่น ครอบครัว และสังคม มีความไหวทันต่อสถานการณ์ความเสี่ยงต่างๆที่อาจนำไปสู่ภัยทางเพศ และให้ครอบครัวมีแนวทางป้องกันความเสี่ยงทางเพศในวัยรุ่นในเทศกาลวันวาเลนไทน์ โดยรู้ใจหมายถึง การรู้ใจตนเองจากการทบทวนอารมณ์ ความคิดของตนเองที่อาจมีอิทธิพลต่อการเกิดความเสี่ยงทางเพศ ไหวทันหมายถึง การไหวทันต่อสถานการณ์เสี่ยง ไหวทันต่ออิทธิพลของสื่อไอที และรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของผู้อื่น ป้องกันได้ หมายถึง การพัฒนาวัยรุ่นให้มีทักษะชีวิต ในการปฏิเสธและป้องกันตนเองจากภัยทางเพศ รวมทั้งการเสริมสร้างศักยภาพครอบครัวให้ป้องกันเยาวชนจากภัยทางเพศได้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังได้ให้กรมสุขภาพจิตเปิดบริการให้คำปรึกษาครอบครัว ทั่วประเทศมีกว่า 20 ล้านครอบครัว ในด้านการเลี้ยงดูลูกยุคไอที รวมทั้งการปรึกษาปัญหาครอบครัว นำร่องที่สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นแห่งแรก และจะขยายผลไปทั่วประเทศภายในสิ้นปีนี้ เพื่อให้ครอบครัวมีทักษะให้คำปรึกษาการเลี้ยงดูลูกให้มีความไหวทันต่อ สถานการณ์ความเสี่ยงต่างๆ อาจนำไปสู่ภัยทางเพศ และมีแนวทางป้องกันความเสี่ยงทางเพศในวัยรุ่น
นางพรรณสิริ กล่าวอีกว่า ขณะนี้วัยรุ่นไทย มีประมาณ 16 ล้านคนทั่วประเทศ มีความเสี่ยงหลายด้าน โดยเฉพาะทางเพศ เนื่องจากมีปัจจัยมาจากปัญหาสังคมอื่นๆอาทิ การลุ่มหลงกระแสวัตถุนิยม อิทธิพลของสื่อออนไลน์ โดยสื่อออนไลน์ในขณะนี้ มีอิทธิพลต่อวัยรุ่นและเยาวชนสูงมาก เครื่องมือที่ใช้มากที่สุดคือมือถือ
"จากผลสำรวจจากสำนักงานสถิติแห่งชาติล่าสุดในปี 2551 พบประชาชนที่มีอายุ 6 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ ร้อยละ 51 ใช้โทรศัพท์มือถือ มากที่สุดในกทม.ใช้ 73% โทรศัพท์มือถือเป็นเครื่องมือที่ติดตัว 24 ชั่วโมง มีลูกเล่นมากมาย ทั้งส่งข้อความ ส่งรูป เป็นเสมือนดาบสองคม หากรู้จักใช้ให้ถูกทาง ก็จะสร้างความรู้ สร้างความใกล้ชิดทางจิตใจได้ หากใช้โดยขาดความระมัดระวังหรือเหมาะสมอาจนำภัยมาสู่ตัวเอง และในส่วนของพ่อแม่ผู้ปกครองวัยรุ่น ขณะนี้สถานการณ์น่าห่วงเนื่องจากเผชิญภัยวิกฤติหลายประการ นอกจากมีอัตราการหย่าร้างในครอบครัวสูงขึ้นจากอัตราส่วน 5 ต่อ 1 ในปี 2542 เป็นอัตราส่วน 3 ต่อ 1 แล้ว ยังต้องเผชิญกับการเลี้ยงดูลูกในยุคไอทีด้วย" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว
ด้าน นพ.ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ ได้สำรวจ "วัยรุ่นไทย : สื่อรักวาเลนไทน์ 2010 ในเขตกทม." ที่ได้เก็บข้อมูลวัยรุ่นระดับมัธยมต้นถึงมหาวิทยาลัย จำนวน 1,320 คน และพ่อแม่/ ผู้ปกครองที่มีลูกกำลังเรียนในมัธยมต้นและมัธยมปลาย จำนวน 583 คน ระหว่างวันที่ 5ม.ค. 2553 – 1ก.พ. 2553 พบว่า วัยรุ่น 1ใน 2 หรือร้อยละ 47 มีความเสี่ยงที่จะมีเพศสัมพันธ์กับแฟนในวันวาเลนไทน์ หากแฟนขอมีเพศสัมพันธ์ด้วย
อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า จากการสำรวจพบว่า กลุ่มเสี่ยงเป็นชายมากกว่าหญิง 2 เท่าตัว ส่วนในกลุ่มของพ่อแม่/ผู้ปกครอง พบว่า 1 ใน 4 คน หรือร้อยละ29 มีความรู้ความเข้าในการใช้ไอทีน้อยถึงน้อยที่สุด แต่ก็นิยมซื้อไอทีให้ลูกหลาน โดยซื้อโทรศัพท์มือถือ เป็นอันดับหนึ่ง 89% อันดับสอง คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล 32% และอันดับสาม เครื่องเล่นวิดีโอเกม 34% แต่ปัญหาที่พบ คือ พ่อแม่ส่วนมาก 2 ใน 3 คน หรือ 66% ไม่เคยเข้าไปตรวจสอบการรับข้อมูลในไอทีของลูกหลาน และไม่มีการควบคุมการใช้สื่อไอทีของลูกหลานถึง 44%
นพ.ชาตรี กล่าวอีกว่า จากผลการสำรวจยังพบว่า มีผลให้พ่อแม่/ผู้ปกครอง 67% มีความกังวลต่อการเข้าถึงเนื้อหาทางเพศของลูกหลาน พ่อแม่/ผู้ปกครอง 73% มองว่าวัยรุ่นไทยมีการแสดงออกในวันวาเลนไทน์ไม่เหมาะสม และ 48% ห่วงวัยรุ่นยังมีความเสี่ยงทางเพศในเทศกาลวาเลนไทน์ จากการเห็นภาพโป๊เปลือย โดยผลการสำรวจนี้ชี้ให้เห็นว่าสังคมไหวทัน และมีแนวทางการป้องกันสถานการณ์ความ เสี่ยงของวัยรุ่นในวันวาเลนไทน์ โดยการสร้างพลังแก่ครอบครัวให้ไหวทันและป้องกันภัยทางเพศแก่ลูกได้
อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวด้วยว่า กรมสุขภาพจิตจึงได้จัดกิจกรรมรณรงค์โดยร่วมมือกับบริษัททีโอที จำกัด (มหาชน) ให้วัยรุ่นส่งข้อความสั้นหรือเอสเอ็มเอส ที่สร้างสรรค์ จัดทำองค์เอกสารความรู้เผยแพร่ทางเว็บไซต์
www.icamtalk.com และเปิดห้องครองใจ ที่สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นฯ โดยมีทีมสหวิชาชีพ ได้แก่ พยาบาลจิตเวช นักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา ให้บริการปรึกษาครอบครัว เป็นช่องทางบริการที่เข้าถึงได้ง่าย ป้องกันปัญหาตั้งแต่เริ่มต้น

กรุงเทพโพลล์เผยวัยรุ่นชี้ผู้ใหญ่อคติ ‘เสียตัววันวาเลนไทน์’
ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) รายงานผลการสำรวจวัยรุ่นในกรุงเทพมหานครจำนวน 1,115 คน ระบุว่า วัยรุ่นส่วนใหญ่ร้อยละ 62.3 มีความเห็นต่อประเด็นที่ว่า “วันวาเลนไทน์เป็นวันเสียตัวของวัยรุ่น” ว่าเป็นเรื่องไม่จริง และเป็นการมองวัยรุ่นในแง่ลบมากเกินไป ขณะที่อีกร้อยละ 33.8 เห็นว่าเป็นจริงตามที่สังคมมอง พร้อมทั้งระบุสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นมากที่สุดในวันวาเลนไทน์ปีนี้คือการแสดงออกทางเพศที่ไม่เหมาะสม สำหรับนัการเมืองที่วัยรุ่นอยากมอบกุหลาบวันวาเลนไทน์ให้มากที่สุดคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ส่วนคู่รักคนดังต้นแบบได้แก่ เคน ธีรเดช และ หน่อย บุษกร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น